กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบรรจุภัณฑ์ และความสำคัญที่ควรรู้
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบรรจุภัณฑ์ และความสำคัญที่ควรรู้
จากปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบมาจากขยะบรรจุภัณฑ์ รวมถึงพฤติกรรมของกลุ่มผู้บริโภคที่เห็นความสำคัญและต้องการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพทั้งทางตรงและทางอ้อม สิ่งเหล่านี้กระตุ้นให้รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องออกกฎหมายมาควบคุมหรือคุ้มครองผู้บริโภคในหลายๆ ด้าน เช่น เพื่อให้ได้บริโภคสินค้าตามปริมาณที่กำหนด สามารถรับรู้ได้ว่าสินค้าที่บรรจุอยู่ในบรรจุภัณฑ์ชนิดใดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีข้อมูลรายละเอียดแสดงไว้ที่กล่องกระดาษ กล่องกระดาษลูกฟูก หรือบรรจุภัณฑ์รูปแบบอื่น ๆ ให้สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนถึงปริมาณสินค้า วัน เดือน ปี ที่ผลิตและสถานที่ตั้งของโรงงานหรือสถานประกอบการ สำหรับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบรรจุภัณฑ์ ได้แก่
พระราชบัญญัติ มาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. 2466
พระราชบัญญัติ มาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. 2466 เป็น พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคให้ได้บริโภคสินค้าตามปริมาณที่กำหนด หรือตามที่ระบุไว้ในฉลาก ในบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ประเภทกล่องกระดาษ กล่องกระดาษลูกฟูก หรือบรรจุภัณฑ์รูปแบบอื่น ๆ พ.ร.บ. ฉบับนี้ควบคุมดูแลผู้ประกอบการในการบรรจุสินค้าให้ถูกต้องตามปริมาณที่ระบุไว้ โดยครอบคลุมสินค้าที่ผลิตและจัดจำหน่ายภายในประเทศ และยังรวมถึงสินค้าหีบห่อที่นำเข้ามาหรือส่งออกนอกราชอาณาจักร นอกจากนั้นอุปกรณ์ที่ใช้ชั่ง ตวงวัด จะต้องได้ใบรับรอง ตัวเลขที่ระบุรายละเอียดสามารถใช้ตัวเลขอารบิคหรือตัวเลขไทยได้ ขนาดของตัวเลขและตัวอักษรที่ใช้ต้องไม่เล็กกว่า 2 มิลลิเมตร
พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522
รายละเอียดและสาระสำคัญในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 เนื้อหาสำคัญแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การขึ้นทะเบียนตำรับอาหารและฉลากอาหาร ดังนี้
การขอขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร
ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 กำหนดให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าซึ่งอาหารควบคุมเฉพาะ ต้องนำอาหารนั้นมาขอขึ้นทะเบียนตำรับอาหารก่อน เมื่อได้รับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนแล้วจึงผลิตหรือนำเข้าเพื่อจำหน่ายได้ หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยประเภทของอาหารที่ต้องขอขึ้นทะเบียนตำรับอาหารอาหารก่อนนำมาผลิตและบรรจุลงในบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม หรือ บรรจุลงในกล่องกระดาษใส่อาหาร แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
- อาหารควบคุมเฉพาะ หมายถึง อาหารที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพอนามัยของผู้บริโภคมากที่สุด เช่น อาหารของทารก หรือผลิตด้วยกรรมวิธีการผลิตที่ต้องมีการควบคุมอย่างเข้มงวด จึงต้องมีการกำหนดด้านคุณภาพหรือมาตรฐาน รวมทั้งการแสดงข้อมูลรายละเอียดหรือฉลากสินค้าไว้ที่กล่องกระดาษ กระดาษลูกฟูกหรือบรรจุภัณฑ์รูปแบบอื่น ๆ
- อาหารที่กำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน คืออาหารที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพอนามัยของผู้บริโภค แต่ไม่รุนแรงเท่ากับกลุ่มอาหารควบคุมเฉพาะ การขออนุญาตผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ ผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบในข้อมูลอาหาร เช่น สูตร กรรมวิธีการผลิต ฉลาก ความ ปลอดภัย รวมทั้งคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ ยกเว้นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะต้องยื่นขอใช้ฉลากอาหาร
- อาหารที่กำหนดให้เป็นอาหารที่ต้องมีฉลากมี 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มอาหารที่ต้องส่งมอบฉลากให้คณะกรรมการอาหารและยา (อย) พิจารณาก่อนนำใช้ และกลุ่มอาหารที่ไม่ต้องส่งมอบให้คณะกรรมการอาหารและยา (อย) พิจารณา
การขอขึ้นทะเบียนฉลากอาหาร
อาหารควบคุมเฉพาะที่กำหนดคุณภาพและที่กำหนดให้มีฉลากต้องขึ้นทะเบียนอาหารและขออนุญาตใช้ฉลาก เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงทำการผลิต อาหารที่ต้องขออนุญาตใช้ฉลากมี 4 กลุ่ม คือ
- อาหารควบคุมเฉพาะที่ผลิตจากสถานที่ผลิตที่ไม่เข้าข่ายเป็นโรงงาน คือ มีเครื่องจักรตั้งแต่ 5 แรงม้า หรือ คนงาน 7 คนขึ้นไป
- อาหารที่ถูกกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน
- อาหารที่ถูกนำเข้าประเทศเพื่อจำหน่ายซึ่งไม่ใช่อาหารควบคุมเฉพาะ
- อาหารอื่นที่มีการจำหน่ายและรัฐมนตรีออกประกาศกำหนดให้เป็นอาหารที่ต้องมีฉลาก คือ อาหารประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 และบางส่วนของประเภทที่ 4 ตามที่ประกาศกำหนดต้องมีฉลากที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 เป็นกฎหมายฉบับแรกที่ของประเทศไทย ที่มีการจัดตั้งหน่วยงาน ของรัฐขึ้น เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคโดยตรง พ.ร.บ.ฉบับนี้ได้บัญญัติให้องค์กรของรัฐมีอำนาจหน้าที่ในการควบคุม การดูแล และประสานการปฏิบัติงานของส่วนราชการต่าง ๆ เพื่อให้ความคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งเป็นหน่วยงานที่ให้ผู้บริโภคได้ใช้สิทธิร้องเรียนเพื่อขอให้ได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหายเมื่อถูกผู้ประกอบธุรกิจละเมิดสิทธิของผู้บริโภค
สิทธิของผู้บริโภคจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย มี 4 ข้อดังนี้
- สิทธิของผู้บริโภคที่จะได้รับข่าวสาร รวมทั้งรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับคุณภาพที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่ระบุไว้บนกล่องกระดาษ กล่องลูกฟูก หรือบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ
- สิทธิของผู้บริโภคที่จะมีอิสระในการเลือกหาสินค้าและบริการ โดยปราศจากการผูกขาด
- สิทธิของผู้บริโภคที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ
- สิทธิของผู้บริโภคที่จะได้รับการชดเชยความเสียหายจากการใช้สินค้าหรือบริการ
สิทธิของผู้บริโภคจะ จะมีองค์กรคุ้มครองของรัฐตาม พ.ร.บ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค คือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มีการแบ่งการคุ้มครองผู้บริโภคเป็น 2 ด้านใหญ่ ๆ คือ ด้านโฆษณา และด้านฉลาก และมีคณะอนุกรรมการย่อยลงไปอีกเพื่อสอดส่องดูแล รับเรื่องร้องทุกข์พิจารณาความผิดที่เกิดขึ้นทั้งในกรุงเทพและจังหวัดอื่น ๆ
พระราชบัญญัติมาตรฐานอุตสาหกรรม พ.ศ. 2511
สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ “สมอ” เป็นสถาบันมาตรฐานแห่งชาติ โดยมีหน้าที่หลัก ได้แก่
- การกำหนมาตรฐานผลิตอุตสาหกรรม (มอก.)
- การรับรองระบบคุณภาพและรับรองความสามารถของห้องปฏิบัติการทดสอบและสอบเทียบ
- ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางกับองค์กรที่เกี่ยวข้องทั่วทั้งโลก เช่น องค์การค้าระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐาน (International Organization for Standardization) หรือที่ ISO องค์การโลก (World Trade Organization หรือ WTO) และองค์กรอื่น ๆ
ความหมายของมาตรฐานอุตสาหกรรม
มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หมายถึง ข้อกำหนดทิศทางวิชาการที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมได้จัดทำขึ้น เพื่อเป็นแนวทางแก่ผู้ประกอบธุรกิจในการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพ เครื่องหมายเหล่านี้ จะเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ทำขึ้นได้ตามมาตรฐาน เครื่องหมายมาตรฐานจะช่วยเพิ่มความเชื่อถือในสินค้าและธุรกิจ อันเป็นการเพิ่มความเชื่อถือในคุณภาพของสินค้าไทยทั้งตลาดภายในและต่างประเทศ สามารถแสดงไว้อย่างเด่นชัดบนกล่องบรรจุภัณฑ์ กล่องกระดาษ กล่องกระดาษลูกฟูก บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม หรือบรรจุภัณฑ์อื่น ๆ
วัตถุประสงค์ของการมีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
- เพื่อสร้างความเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์ที่ทำในประเทศด้วยการปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้น
- เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการซื้อขาย ขจัดปัญหาและอุปสรรคทางการค้าต่าง ๆ
- เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้บริโภค
- เพื่อให้เกิดการประหยัดทรัพยากรและค่าใช้จ่ายในการใช้งานและผลิต
- เพื่อเป็นสื่อเชื่อมโยงในอุตสาหกรรมต่อเนื่องและประสานกันได้พอดี
องค์กรที่รับผิดชอบพระราชบัญญัติเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์
นอกจากพระราชบัญญัติ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบรรจุภัณฑ์ที่กล่าวมาแล้ว องค์กรที่รับผิดชอบโดยตรงตามพระราชบัญญัติเกี่ยวข้องกับบรรจุภัณฑ์ ได้แก่
- สำนักงานกลางชั่งตวงวัด กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์
- คณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข
- คณะกรรมการผู้บริโภค สำนักนายกรัฐมนตรี
- สำนักงานมาตรฐานอุตสหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม
หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์
นอกเหนือจากองค์กรที่รับผิดชอบต่อพระราชบัญญัติเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์แล้ว ยังมีองค์กรส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรเอกชนที่มีกิจกรรม เกี่ยวข้องกับบรรจุภัณฑ์ ดังนี้
- ส่วนอุตสาหกรรมการเกษตร สำนักงานพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม มีหน้าที่ศึกษา ค้นคว้า วิจัย การแปรรูป ผลิตภัณฑ์จากพืช
- ส่วนบรรจุภัณฑ์ สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม มีหน้าที่ให้บริการแนะนำ ส่งเสริม และพัฒนาบรรจุภัณฑ์แก่ ผู้ประกอบการกลุ่มบุคคล และบุคคลทั่วไป ตัวอย่างเช่น สนับสนุนส่งเสริมการใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์จากธรรมชาติ เพื่อผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น กล่องอาหารกระดาษ กล่องข้าวกระดาษ แก้วกระดาษที่ใส่ได้ทั้งร้อนและเย็น เป็นต้น
- ศูนย์บริการออกแบบ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมการส่งออก
- ศูนย์การบรรจุหีบห่อไทย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบรรจุภัณฑ์ เป็นสิ่งที่องค์กรธุรกิจ ธุรกิจ SMEs รวมทั้งผู้ประกอบการรายย่อย ควรศึกษาเรียนรู้ เพราะนอกจากทำให้ทราบแนวทางปฏิบัติตามพระราชบัญญัติซึ่งเป็นกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการและผู้บริโภค เป็นเครื่องมือกำหนดแนวทางแก่ผู้ประกอบธุรกิจให้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน สามารถรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน
อ้างอิงจาก hongthai
สอบถามเพิ่มเติมที่
LSF Packaging
Line: @lsfpackaging
02-066-9090 , 080-987-9005 , 082-506-0780
Email : lsfpackaging@gmail.com